CHARTERED FINANCIAL ANALYST (CFA) เรียกง่ายๆว่าเป็นวุฒิของผู้ที่อยากทำงานวิชาชีพทางด้านการเงินและการลงทุนระดับสากล เปรียบเทียบให้เห็นภาพเลยนะจะคล้ายๆกับคนขายประกันก็จะมีการสอบ LICENSE ของตัวแทนประกันเพื่อรับรองความรู้และความสามารถทางด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ CFA นี้จะเป็นหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ (SECURITIES ANALYST) และผู้ที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุน (FUND MANAGER) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ในการขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุนนั้น จำเป็นต้องสอบผ่าน CFA ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ฟังดูยิ่งใหญ่มั้ยหละ? ที่ต้องยิ่งใหญ่เพราะพี่เกรทจะกระซิบบอกเลยว่ามีคนจำนวนไม่มากนะที่จะมี CFA ในประเทศไทย นั่นก็หมายความว่าคนที่ได้ CFA แล้วเงินเดือนก็จะพุ่งปรี๊ดเลยทีเดียวแหละ สามารถเอาวุฒินี้ไปสมัครงานต่างประเทศก็ได้อีก เพราะว่า CFA ได้รับการยอมรับทั่วโลกเลยค่ะ และก็เป็นโอกาสที่ดีของคนที่จบสายอื่นมาแต่สามารถมาสอบ CFA ได้ก็สามารถที่จะทำงานสายนี้ได้เลยโดยไม่ต้องจบทางด้านนี้มาหรือทำงานด้านนี้มาโดยตรงค่ะ ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่าคนที่อยากลงสอบ CFA นี่ต้องมีคุณสมบัติด้านใดบ้าง?

  • จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า แต่ไม่จำเป็นจะต้องจบทางด้านการเงินมานะคะ หรือ 

  • เป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของหลักสูตรระดับปริญญาตรี หรือ 

  • มีประสบการณ์ทำงาน (ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการลงทุน) เป็นเวลา 4 ปี

และการสอบ CFA นี้ก็มีด้วยกันสามระดับค่ะ โดยแต่ระดับจะมีความยากของเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป ตามด้านล่างเลยค่ะ

  • CFA Level 1 จะเน้นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนทุกอย่างรวมไปถึงจรรยาบรรณในด้านการเงินด้วย

  • CFA Level 2 เป็นข้อสอบเจาะลึกในความรู้มากขึ้น เน้นเรื่องการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์รวมถึงการวิเคราะห์งบการเงินอย่างละเอียด

  • CFA Level 3  อันที่สองว่าลึกแล้วเจอสามเข้าไปลึกหนักเข้าไปใหญ่ ข้อสอบจะเน้นหนักไปทาง Portfolio Management หรือการจัดพอร์ทการลงทุนเป็นหลัก เป็นการ Mock up หน้าที่การเป็น Fund Manager ในอนาคตที่แท้ทรู

ข้อสอบยากขนาดนี้แล้วยังจะจัดสอบน้อยมากไปอีก ทุกๆ ปีจะมีการสอบ CFA ทั้ง 3 ระดับปีละ 1 ครั้งพร้อมกันทั่วโลกในราวต้นเดือนมิถุนายน (ยกเว้นการสอบระดับ 1 ซึ่งจะมีการสอบปีละ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในเดือนมิถุนายน และครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม) ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1.5 ปี จึงจะจบหลักสูตร แต่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาเฉลี่ย 4 ปี ผลการสอบไม่มีวันหมดอายุ และผู้เข้าสอบที่สอบไม่ผ่านสามารถสมัครสอบซ้ำได้อีกไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ค่าสอบนั้นราคา 20,000 ถึง 50,000 บาทเอ๊งงงงงงงงงแง้ แพงจุง คนส่วนใหญ่จึงใช้เวลาค่อนข้างมากในการเตรียมตัวส่วนใหญ่จะครึ่งปีขึ้นไปค่ะ

แต่วันนี้พี่เกรทจะแนะนำวิธีการสอบผ่านอีกนิดนึงสำหรับน้องๆหลายคนที่มีแพลนจะไปเรียนต่อทางด้านนี้ที่ประเทศอังกฤษนะคะอยู่แล้ว พี่เกรทมีตัวเลือกมหาวิทยาลัยที่เค้าสอนปริญญาโทให้เราพร้อมกับมีคลาส SUPPORT การสอบและติว CFA โดยตรงเพิ่มเข้าไปในวิชาเรียนให้เราด้วยนะคะ บางมหาวิทยาลัยมีติวให้ทั้ง LEVEL 1 และ 2 เลยทีเดียว ถือว่าเป็นการเรียนปริญญาที่ประหยัดเวลามากและไม่ต้องเสียเวลาอ่านหนังสือเองเลยค่ะ พอติวเสร็จปุ๊บก็สามารถลงสอบที่อังกฤษได้เลยเพราะว่าการสอบนี้มีเปิดสอบทั่วโลกเลยน้า น้องบ้างคนถามว่ากลับมาสอบที่ไทยได้มั้ยคะ เพราะว่าข้อสอบจะได้เป็นภาษาไทยค่ะ ? คำตอบคือไม่ว่าจะสอบที่ไหนข้อสอบก็จะเป็นภาษาอังกฤษตัวเดียวกันหมดเลยค่ะ นอกจากจะฟิตอ่านหนังสือแล้วต้องฟิตภาษาอังกฤษด้วยน้า มาดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่อังกฤษที่เปิดสอน FINANCE และ SUPPORT การสอบ CFA ให้น้องๆกันตามด้านล่างเลยค่ะ น้องๆคนไหนสนใจสมัครเรียนปีหน้าหรือปีการศึกษา2020 ตอนนี้มหาวิทยาลัยที่อังกฤษก็เปิดรับสมัครแล้วนะคะ สอบถามรายละเอียดการสมัครกับพี่เกรทได้กันได้เล๊ยยยยยยย ^^

  • DURHAM UNIVERSITY

  • LANCASTER UNIVERSITY

  • UNIVERSITY OF ESSEX

  • CITY UNIVERSITY LONDON

  • UNIVERSITY OF EAST ANGLIA

  • QUEEN’S UNVERSITY BELFAST

  • QUEEN MARY UNIVERSITY OF LONDON

  • NEWCASTLE UNIVERSITY 

  • BIRBECK UNIVERSITY OF LONDON

  • UNIVERSITY OF EXETER

  • UNIVERSITY OF LEICESTER

  • UNIVERSITY OF READING

  • UNIVERSITY OF STIRLING

  • UNIVERSITY OF GREENWICH

  • UNIVERSITY OF KENT

  • UNIVERSITY OF BIRMINGHAM

  • UNIVERSITY OF LIVERPOOL

  • UNIVERSITY OF GLASGOW

  • UNIVERSITY OF WARWICK

  • UNIVERSITY OF CAMBRIDGE

  • UNIVERSITY OF EDINBURGH 

  • LONDON BUSINESS SCHOOL

  • THE UNIVERSITY OF MANCHESTER 

  • IMPERIAL COLLEGE

  • UNIVERSITY OF HERTFORDSHIRE 

  • SWANSEA UNIVERSITY 

  • HERIOT WATT UNIVERSITY 

  • UNIVERSITY OF YORK

  • UNIVERSITY OF NOTTINGHAM

  • UNIVERSITY OF WESTMINSTER

  • UNIVERSITY OF OXFORD

  • ASTON UNIVERSITY 

  • CRANFIELD UNIVERSITY 

  • UNIVERSITY OF DERBY

  • UNIVERSITY OF HULL

  • COVENTRY UNIVERSITY 

  • UNIVERSITY OF LEEDS

  • UNIVERSITY OF STRATHCLYDE

  • UNIVERSITY OF SUSSEX

  • KING’S COLLEGE LONDON